tag:blogger.com,1999:blog-59206596579907267472024-03-08T11:29:17.090-08:00ThanawutSankohthttp://www.blogger.com/profile/11823177241358983442noreply@blogger.comBlogger1125tag:blogger.com,1999:blog-5920659657990726747.post-33783365841590880392011-02-23T23:21:00.000-08:002011-02-23T23:21:29.684-08:00กีฬาฟุตบอล<span class="h3"><strong><span style="color: #003333;">ประวัติกีฬาฟุตบอล</span></strong></span> <br />
<div class="MsoNormal style1" jquery1298531943566="6" style="margin-bottom: 12pt;"><span class="style11" jquery1298531943566="5"><strong jquery1298531943566="4"><span jquery1298531943566="3" style="color: red;"><img loaded="true" original="http://www.sportphet.com/images/1181270895/images.jpeg" src="http://www.sportphet.com/images/1181270895/images.jpeg" />ฟุตบอล (Football) หรือซอคเก้อร์ (Soccer) </span></strong></span><span style="color: black;">เป็นกีฬาที่มีผู้สนใจที่จะชมการแข่งขันและเข้าร่วมเล่น<br />
มากที่สุดในโลก</span> <span style="color: black;">ชนชาติใดเป็นผู้กำเนิดกีฬาชนิดนี้อย่างแท้จริงนั้นไม่อาจจะยืนยันได้แน่นอน</span><br />
<span style="color: black;">เพราะแต่ละชนชาติต่างยืนยันว่าเกิดจากประเทศของตน</span> <span style="color: black;">แต่ในประเทศฝรั่งเศสและประเทศอิตาลี <br />
ได้มีการละเล่นชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "ซูเลอ" (Soule) หรือจิโอโค เดล คาซิโอ (Gioco Del Calcio) <br />
มีลักษณะการเล่นที่คล้ายคลึงกับกีฬาฟุตบอลในปัจจุบัน</span> <span style="color: black;">ทั้งสองประเทศอาจจะถกเถียงกันว่า<br />
กีฬาฟุตบอลถือกำเนิดจากประเทศของตน</span> <span style="color: black;">อันเป็นการหาข้อยุติไม่ได้ เพราะขาดหลักฐานยืนยันอย่างแท้จริง</span> <br />
<strong><span style="color: black;">ดังนั้น ประวัติของกีฬาฟุตบอลที่มีหลักฐานที่แท้จริงสามารถจะอ้างอิงได้</span></strong> <strong><span style="color: black;">เพราะการเล่นที่ม <br />
ีกติการการแข่งขันที่แน่นอน</span></strong> <strong><span style="color: black;">คือประเทศอังกฤษเพราะประเทศอังกฤษตั้งสมาคมฟุตบอล<br />
ในปี พ.ศ. 2406 และฟุตบอลอาชีพของอังกฤษเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2431</span></strong> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;"><span style="color: black;">วิวัฒนาการด้านฟุตบอลจะเป็นไปพร้อมกับความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์ตลอดมา</span> <span style="color: black;">ต้นกำเนิดกีฬาตะวันออกไกลจะได้รับอิทธิพลมาจากสงครามครั้งสำคัญๆ เช่น</span><br />
<span style="color: black;">สงครามพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ได้นำเอา "แกลโล-โรมัน" (Gello-Roman) <br />
พร้อมกีฬาต่างๆ เข้ามาสู่เมืองกอล (Gaul) อันเป็นรากฐานส่วนหนึ่งของกีฬาฟุตบอลในอนาคต <br />
และการเล่นฮาร์ปาสตัม (Harpastum) ได้ถูกดัดแปลงมาเป็นกีฬาซูเลอ<br />
<br />
</span><span class="style5"><strong><span style="color: red;">วิวัฒนาการของฟุตบอล</span></strong></span><span style="color: black;"><span class="style5"><br />
</span></span><strong><span style="color: black;">ภาคตะวันออกไกล</span></strong> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;"><span style="color: black;">ขงจื้อได้กล่าวไว้ในหนังสือ "กังฟู" เกี่ยวกับกีฬา</span> <span style="color: black;">โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาที่ใช้เท้า<br />
และศีรษะในสมัยจักรพรรดิ์ เซิงติ (Emperor Cneng Ti) (ปี 32 ก่อนคริสตกาล) <br />
มีการเล่นกีฬาที่คล้ายกับฟุตบอลซึ่งเรียกว่า"ซือ-ซู" (Tsu-Chu) ซึ่งหมายถึงการเตะลูกหนังด้วยเท้า</span> <br />
<span style="color: black;">กีฬาชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง</span> <span style="color: black;">ซึ่งนักประพันธ์และนักประวัติศาสตร์ในสมัยนั้นได้ยกย่อง<br />
ผู้เล่นที่มีชื่อเสียงให้เป็นวีรบุรุษของชาติ</span> <span style="color: black;">และในสมัยเดียวกันได้มีการเล่นคล้ายฟุตบอลใน<br />
ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย<br />
</span><strong><span style="color: black;">ภาคตะวันออกกลาง</span></strong> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><span style="color: black;">ในกรุงโรม</span> <span style="color: black;">ความเจริญของตะวันออกไกลได้แผ่ขยายถึงตะวันออกกลางโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอิทธิพลของสงคราม<br />
โดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช</span> <span style="color: black;">การเล่นกีฬาชนิดหนึ่งเรียกว่า ฮาร์ปาสตัม</span> <span style="color: black;">เป็นกีฬาที่นิยมของชาวโรมัน<br />
และชาวกรีกโบราณวิธีการเล่นคือ มีประตูคนละข้าง</span> <span style="color: black;">แล้วเตะลูกบอลไปยังจุดหมายที่ต้องการ เช่น <br />
จากหมู่บ้านหนึ่งไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง</span> <span style="color: black;">การเล่นจะเป็นการเตะ หรือการขว้างไปข้างหน้าฮาร์ปาสตัม <br />
หมายถึงการเหวี่ยงไปข้างหน้า</span> <span style="color: black;">การเล่นกีฬาฮาร์ปาสตัมในกรุงโรมดูเหมือนจะเป็นต้นกำเนิด<br />
ของกีฬาซึ่งมีการเล่นในสมัยกลาง</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;"><span style="color: black;">ในการเล่นฮาร์ปาสตัม ขนาดของสนามจะเล็กกว่าสนามกีฬาซูเลอ</span> <span style="color: black;">แต่จุดประสงค์ของกีฬาทั้งสอง<br />
คือ การนำลูกบอล ไปยังแดนของตน</span> <span style="color: black;">แต่เนื่องจากมีเสียงอึกทึกโครมครามจากการวิ่งแย่งลูกบอล</span> <br />
<span style="color: black;">ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้มากมาย อันเป็นข้อห้ามของพระเจ้า</span> <span style="color: black;">จึงมีพระบรมราชโองการในนาม<br />
ของพระเจ้าแผ่นดินห้ามเล่นกีฬาดังกล่าวในเมือง</span> <span style="color: black;">ผู้ฝ่าฝืนมีโทษถึงจำคุก นอกจากนี้ยังมีข้อห้าม<br />
ซึ่งออกในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.1892 ขอให้เล่นยิงธนูในวันฉลองต่าง ๆ แทนการเล่นเกมฟุตบอล</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><span style="color: black;">ในโอกาสต่อมากีฬาฟุตบอลได้จัดให้มีการแข่งขันกันอีกครั้ง</span> <span style="color: black;">ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างทีมต่างๆ <br />
ที่อยู่ห่างกันประมาณ 3-4 ไมล์ ( 5-6.5 กิโลเมตร- )</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">ในปี พ.ศ. 2344 </span></strong><span style="color: black;">กีฬาชนิดนี้ได้ขัดเกลาให้ดีขึ้น</span> <span style="color: black;">มีการกำหนดจำนวนผู้เล่นให้เท่ากันในแต่ละข้าง <br />
ขนาดของสนามอยู่ในระหว่าง 80 - 100 หลา (73-91 เมตร) และมีประตูทั้งสองข้างที่ริมสุดของสนาม<br />
ซึ่งทำด้วยไม้ 2 อัน</span> <span style="color: black;">ห่างกัน 2-3 ฟุต</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">ในปี พ.ศ. 2366 </span></strong><span style="color: black;">ได้จัดให้มีการเล่นฟุตบอลในรูปแบบของการเล่นใน ปัจจุบัน William Alice <br />
คือผู้เริ่มวางกฎบังคับต่างๆ สำหรับกีฬาฟุตบอลและรักบี้ ในปี พ.ศ. 2393 ได้มีการออกระเบียบ<br />
และกฎของการเล่นไปสู่ ดินแดนต่างๆ ให้ปฏิบัติตาม</span> <span style="color: black;">โดยจำกัดจำนวนผู้เล่นให้มีข้างละ 15-20 คน</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">ในปี พ.ศ. 2413</span></strong> <span style="color: black;">มีการกำหนดผู้เล่นให้เหลือข้างละ 11 คน โดยมีผู้เล่นกองหน้า 9 คน และผู้เล่น<br />
รักษาประตู 2 คน</span> <span style="color: black;">โดยผู้รักษาประตูใช้เท้าเล่นเหมือน 9 คนแรกจนกระทั่งให้เหลือผู้รักษาประตู 1 คน</span> <span style="color: black;"><br />
แต่อนุญาตให้ใช้มือจับลูกบอลได้ในปี พ.ศ. 2423</span></div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">ในปี พ.ศ. 2400 สโมสรฟุตบอลได้ก่อตั้งเป็นครั้งแรกที่เมืองเซนพัสด์ประเทศอังกฤษ</span></strong> <br />
<span style="color: black;">และต่อมาในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2406 สโมสรฟุตบอล 11 แห่งได้มารวมกันที่กรุงลอนดอน<br />
เพื่อก่อตั้งสมาคมฟุตบอลขึ้น</span> <span style="color: black;">ซึ่งถือเป็นรากฐานในการกำเนิดสมาคมแห่งชาติ จนถึง 140 สมาคม</span> <span style="color: black;">และทำให้ผู้เล่นฟุตบอลต้องเล่นตามกฎและกติกาของสมาคมฟุตบอล จนเวลาผ่านไปจากคำว่า<br />
Association ก็ย่อเป็น Assoc และกลายเป็น Soccer ขึ้นในที่สุด</span> <span style="color: black;">ซึ่งนิยมเรียกกันในประเทศอังกฤษ <br />
แต่ชาวอเมริกันเรียกว่า Football หมายถึง American football</span></div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">ภายนอกเกาะอังกฤษ</span></strong> <span style="color: black;">พวกกะลาสีเรือ ทหาร พ่อค้า วิศวกร</span> <span style="color: black;">หรือแม้แต่นักบวชได้นำกีฬาชนิดนี้<br />
ไปเผยแพร่ ประเทศเดนมาร์กเป็นประเทศที่ 2 ในยุโรป</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">ในอเมริกาใต้</span></strong> <span style="color: black;">สโมสรแรกได้ถูกตั้งขึ้นในประเทศอาร์เจนตินา เมื่อพี่น้องชาวอังกฤษ 2 คน</span> <span style="color: black;">ได้ลงข้อความโฆษณาในหนังสือพิมพ์ของเมืองบูเอโนสไอเรส (Buenos Aires) เพื่อ</span> <span style="color: black;">หาผู้อาสาสมัคร <br />
ในปี พ.ศ. 2427 กีฬาฟุตบอลก็กลายมาเป็นวิชาหนึ่งในโรงเรียนของเมืองบูเอโนสไอเรส</span> <span style="color: black;"><br />
การแข่งขันระดับชาติครั้งแรกในทวีปอเมริกาใต้ คือ</span> <span style="color: black;">การแข่งขันระหว่างอาร์เจนตินากับอุรุกวัย <br />
ในปี พ.ศ.2448 แต่อเมริกาเหนือเริ่มแข่งขันเมื่อปี พ.ศ. 2435</span></div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">ในอิตาลี</span></strong> <span style="color: black;">ฮาร์ปาสตัมเป็นต้นกำเนิดจิโอโค เดล</span> <span style="color: black;">คาลซิโอ ผู้เล่นกีฬาจะเป็นผู้นำทางสังคม<br />
หรือแม้แต่ผู้นำชั้นสูงของศาสนา</span> <span style="color: black;">เช่นสันตปาปา เกลาเมนต์ที่ 7 ลีออนที่ 10 และเออร์เบนที่ 7<br />
เป็นถึงแชมเปี้ยนในกีฬาฟลอเรนไทน์ฟุตบอล</span> <span style="color: black;">ต่อมาชาวโรมันได้ดัดแปลงเกมการเล่นฮาร์ปาสตัมเสียใหม่</span> <br />
<span style="color: black;">โดยกำหนดให้ใช้เท้าแตะลูกบอลเท่านั้น ส่วนมือให้ใช้เฉพาะการทุ่มลูกบอล</span> <span style="color: black;">ซึ่งนักรบชาวโรมัน นิยมเล่นกันมาก</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;"><strong><span style="color: black;">กีฬาฮาร์ปาสตัมซึ่งมีต้นกำเนิดจากสมัยโรมันได้ถูกแปลงมาเป็นกีฬาซูลอหรือซูเลอ</span></strong> <br />
<span style="color: black;">กีฬาชนิดนี้เหมือนกับฮาร์ปาสตัม คือ นำลูกบอลกลับไปยังแดนของตน</span> <span style="color: black;">แต่สนามมีขนาดกว้างกว่ามาก</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><span style="color: black;">การเล่นซูเลอมักจะมีขึ้นในบ่ายวันอาทิตย์หลังการสวดมนต์เย็น</span> <span style="color: black;">จะมีการแข่งขันสำคัญในช่วงเวลาดีคาร์นิวาล</span> <span style="color: black;">กีฬาชนิดนี้เป็นที่นิยมมากในเขตปริตานีและมอร์ลังดี</span> <span style="color: black;">กีฬานี้ได้ถูกเผยแพร่ไปยังอังกฤษโดยผู้ติดตาม<br />
ของวิลเลี่ยมผู้พิชิตภายหลัง</span> <span style="color: black;">การรบที่เฮสติ้ง (Hasting)</span></div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">เมื่อ 900 ปีกว่ามาแล้ว</span></strong> <strong><span style="color: black;">ประเทศอังกฤษได้ตกอยู่ในความปกครองของพวกเคนส์ เชื้อสายโรมัน</span></strong> <span style="color: black;"><br />
ซึ่งยกกองทัพมาตีหมู่เกาะอังกฤษตอนใต้ และได้ปกครองเรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ. 1589 อังกฤษเริ่มเข้มแข็งขึ้น และสามารถขับไล่พวกเคนส์ออกจากประเทศได้ หลังจากนั้น 2-3 ปี อังกฤษจึงเริ่มปรับปรุงประเทศเป็นการใหญ่<br />
มีการขุดอุโมงค์ตามพื้นที่หลายแห่ง</span> <span style="color: black;">ซึ่งในการขุดอุโมงค์คนงานคนหนึ่งได้ขุดไปพบกะโหลกศีรษะใน<br />
บริเวณที่เคยเป็นสนามรบ</span> <span style="color: black;">และเป็นที่ฝังศพของพวกเคนส์มาก่อนทุกคนในที่นั้นแน่ใจว่าเป็นกะโหลกศีรษะ<br />
ของพวกเคนส์</span> <span style="color: black;">อารมณ์แค้นจึงเกิดขึ้นทันทีเมื่อต่างคนต่างคิดถึงเหตุการณ์ที่ถูกพวกเคนส์กดขี่ทารุณจิตใจ<br />
คนอังกฤษในสมัยนั้นด้วยเหตุผลนี้</span> <strong><span style="color: black;">คนงานคนหนึ่งจึงเตะกะโหลกศีรษะนั้นทันที ส่วนคนอื่นๆ</span></strong> <strong><span style="color: black;">ที่อยู่ในบริเวณนั้นก็พากันหยุดงานชั่วคราว แล้วหันมาเตะกะโหลกศีรษะเป็นการใหญ่</span></strong> <strong><span style="color: black;">เพื่อระบายอารมณ์แค้นที่เก็บไว้อย่างสนุกสนาน</span></strong> <span style="color: black;">ผลที่สุดเมื่อพวกนี้หากะโหลกศีรษะเตะกันไม่ได้ก็เอาถุงลมของวัวมาทำเป็นลูกกลมขึ้นเตะแทนกะโหลกศีรษะ</span> <br />
<span style="color: black;">ปรากฏว่าเป็นที่รื่นเริงสนุกสนามกันมาก</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><span style="color: black;">ต่อมาชาวโรมันได้นำเกมนี้ไปเล่นในอังกฤษ</span> <span style="color: black;">จากนั้นชาวอังกฤษก็ได้ปรับปรุงวิธีการเล่น<br />
เทคนิคการเล่น</span> <span style="color: black;">ตลอดจนกติกาให้เหมือนในสมัยปัจจุบัน คือเกมฟุตบอลที่ใช้เท้าเล่น<br />
แต่ในระยะแรกของการเล่นฟุตบอลจะเล่นกันเป็นกลุ่มๆ เฉพาะพวกคนธรรมดาเท่านั้น</span> <span style="color: black;"><br />
ไม่มีการจำกัดจำนวนผู้เล่น ประตูจะห่างกันเป็นไมล์ และใช้เวลาในการเล่นหลายชั่วโมง</span> <br />
<span style="color: black;">จะเป็นการเล่นระหว่างทหารใหม่ที่ถูกเกณฑ์ นักบวช คนที่แต่งงานแล้ว คนโสด</span> <span style="color: black;">และพวกพ่อค้า <br />
เกมชนิดได้กลายเป็นสิ่งฉลองในงานพิธีต่างๆ เช่น ในวันโชรพ ทิวส์เดย์ (Shrove Tuesday) <br />
จะมีฟุตบอลนัดสำคัญให้คนได้ชม</span> <span style="color: black;">เกมในสมัยนั้นจะเล่นกันอย่างรุนแรงและมีการบาดเจ็บกันมาก</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><span style="color: black;">ในวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 1857 พระเจ้าเอ๊ดเวิร์ดที่ 2 ได้ทรงออกพระราชกฤษฎีกา</span> <br />
<span style="color: black;">เนื่องจากมีเสียงอึกทึกครึกโครมจาการวิ่งแย่งลูกบอล</span> <span style="color: black;">ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุมากมาย <br />
อันเป็นข้อห้ามของพระเจ้า</span> <span style="color: black;">โดยห้ามเล่นกีฬาดังกล่าว ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุก</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">ฟุตบอลได้เริ่มแข่งขันภายใต้กฎของสมาคมแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2412<br />
ระหว่างทีมรัตเกอร์กับทีมบรินท์ตัน</span></strong> <span style="color: black;">จากนั้นกิจการฟุตบอลได้เจริญขึ้นช้าๆ<br />
ในต่างจังหวัดจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้มีการตั้ง<br />
สมาคมฟุตบอลต่างจังหวัดขึ้นในปี พ.ศ. 2450 และมีการฝึกสอนในปี พ.ศ. 2484</span></div><div class="MsoNormal style1" style="margin-bottom: 12pt; margin-left: 36pt;"><strong><span style="color: black;">ในทวีปเอเชีย อินเดียเป็นประเทศแรกที่เริ่มเล่นฟุตบอล</span></strong> <span style="color: black;">ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยกัลกัตตา<br />
เป็นผู้นำสำเนากฎหมายการเล่นมาเผยแพร่ในปี พ.ศ. 2426 และในปี พ.ศ. 2435 <br />
ได้มีการแข่งขันชิงถ้วยรางวัลเป็นครั้งแรกในทวีปซึ่งยังไม่มีชื่อเสียงในด้านการเล่นฟุตบอล</span> <br />
<span style="color: black;">กีฬาชนิดนี้ก็ได้เริ่มมีการเล่นมาก่อนร่วมร้อยปีแล้ว</span> <span style="color: black;">เช่น สมาคมฟุตบอลแห่งนิวเซาท์เวลส์ <br />
ได้ถูกตั้งขึ้นในออสเตรเลีย ปี พ.ศ. 2425 และสมาคมฟุตบอลของนิวซีแลนด์ได้ถูกตั้งขึ้นหลังจากนั้น 9 ปี</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">ในแอฟริกา</span></strong> <span style="color: black;">สมาคมระดับชาติแห่งแรกได้ถูกตั้งขึ้นในประเทศแอฟริกาใต้</span> <span style="color: black;"><br />
แต่อียิปต์เป็นประเทศแรกที่มีการแข่งขันระดับชาติในปี พ.ศ. 2467 คือ 3 ปี</span> <span style="color: black;">หลังจากที่ได้ก่อตั้งสมาคมขึ้น <br />
และอียิปต์สามารถเอาชนะฮังการีได้ 3-0 ในกีฬาโอลิมปิกที่ปารีส</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">การแข่งขันระดับชาติเป็นการแข่งขันระหว่างอังกฤษกับสกอตแลนด์</span></strong> <strong><span style="color: black;">ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2415 </span></strong><span style="color: black;">และในปีแรกของศตวรรษที่ 20 โดยประเทศยุโรปอื่นๆ</span> <span style="color: black;">อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2447 กลุ่มประเทศต่างๆ</span> <span style="color: black;">ในแถบนี้ได้ประชุมกันที่ปารีสเพื่อตั้งสมาคมฟุตบอลนานาชาติขึ้น</span> <span style="color: black;">ในครั้งแรกก่อนการจัดตั้งสหพันธ์ 20 วัน</span> <span style="color: black;">สเปนและเดนมาร์กไม่เคยร่วมการแข่งขันระดับชาติมาก่อน และ 3 ประเทศใน 7 ประเทศ<br />
ที่เข้าร่วมประชุมยังไม่มีสมาคมฟุตบอลในชาติของตน</span> <span style="color: black;">แต่ฟีฟ่าก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยมา <br />
โดยมีสมาชิก 5 ชาติ ในปี พ.ศ. 2481 และ 73 ชาติ</span> <span style="color: black;">ในปี พ.ศ. 2493 และในปัจจุบันมีสมาชิกถึง 146 ประเทศ</span> <span style="color: black;"><br />
ที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมของฟีฟ่า</span> <span style="color: black;">ทำให้ฟีฟ่าเป็นองค์การกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">สมาพันธ์ประจำทวีปของสมาคมฟุตบอลแห่งแรกที่ตั้งขึ้นคือ Conmebol ซึ่งเป็นสมาพันธ์ของอเมริกาใต้</span></strong> <span style="color: black;">สมาพันธ์นี้ได้ถูกจัดขึ้นเพื่อจัดตั้งเพื่อจัดการแข่งขันชิงชนะเลิศภายในทวีปอเมริกาใต้</span> <span style="color: black;">ในปี พ.ศ. 2460 <br />
เกือบครึ่งศตวรรษ ต่อมาเมื่การแข่งขันภายในทวีปได้แพร่หลายมากขึ้น</span> <span style="color: black;">จึงได้มีการจัดตั้งสมาพันธ์ในทวีปอื่นๆ ขึ้นอีกคือสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป <br />
ในปี พ.ศ. 2497 ซึ่งเป็นปีเดียวกับการจัดตั้งในทวีปเอเชีย และ 2 ปี</span> <span style="color: black;">ก่อนการจัดตั้งสมาคมฟุตบอลยุโรป ในปี พ.ศ. 2497 ซึ่งเป็นปีเดียวกับการจัดตั้งสหพันธ์ฟุตบอลแห่งแอฟริกา (Concacaf)หรือสหพันธ์ฟุตบอลแห่งอเมริกากลาง อเมริกาเหนือ<br />
และแคริบเบี้ยน</span> <span style="color: black;">ได้ถูกจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2504 และน้องใหม่ในวงการฟุตบอลโลกคือ</span> <span style="color: black;">สมาพันธ์ฟุตบอล<br />
แห่งโอเชียนเนีย (Oceannir)<br />
<br />
</span><strong><span style="color: black;">สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ</span></strong> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (Federation International Football Association FIFA)</span></strong> <br />
<span style="color: black;">ก่อตั้งขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. 2447 โดยสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศฝรั่งเศส <br />
และประเทศที่เข้าร่วมก่อตั้ง 7 ประเทศคือ</span> <span style="color: black;">ฝรั่งเศส เบลเยียม เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ สเปน สวีเดน<br />
และสวิตเซอร์แลนด์</span> <span style="color: black;">มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;"><strong><span style="color: black;">สมาพันธ์ฟุตบอลที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ</span></strong> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">1. Africa (C.A.F.) </span></strong><span style="color: black;">เป็นเขตที่มีสมาชิกมากที่สุด</span> <span style="color: black;">ได้แก่ ประเทศแอลจีเรีย ตูนิเซีย แซร์ ไนจีเรีย และซูดาน เป็นต้น</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">2. America-North and Central Caribbean (Concacaf) </span></strong><span style="color: black;">ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก <br />
คิวบา เอติ เอลซัลวาดอร์</span> <span style="color: black;">กัวเตมาลา และฮอนดูรัส เป็นต้น</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">3. South America (Conmebol) </span></strong><span style="color: black;">ได้แก่ ประเทศเปรู</span> <span style="color: black;">บราซิล อุรุกวัย โบลิเวีย อาร์เจนตินา ชิลี เวเนซุเอลา <br />
อีคิวเตอร์ และโคลัมเบีย</span> <span style="color: black;">เป็นต้น</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">4. Asia (A.F.C.)</span></strong><span style="color: black;">เป็นเขตที่มีสมาชิกรองจากแอฟริกา</span> <span style="color: black;">ได้แก่ ประเทศไทย มาเลเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น <br />
ฮ่องกง เลบานอน อิสราเอล อิหร่าน จอร์แดน</span> <span style="color: black;">และเนปาล เป็นต้น</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">5. Europe (U.E.F.A.)</span></strong> <span style="color: black;">เป็นเขตที่มีการพัฒนามากที่สุด ได้แก่ ประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน <br />
ฮังการี</span> <span style="color: black;">อิตาลี สกอตแลนด์ รัสเซีย สวีเดน สเปน และเนเธอร์แลนด์ เป็นต้น</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">6. Oceannir</span></strong> <span style="color: black;">เป็นเขตที่มีสมาชิกน้อยที่สุดและเพิ่งจะได้รับการแบ่งแยก ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย</span><br />
<span style="color: black;">นิวซีแลนด์ ฟิจิ และปาปัวนิวกินี เป็นต้น ซึ่งประเทศต่างๆ</span> <span style="color: black;">ที่เป็นสมาชิกต้องเสียค่าบำรุงเป็นรายปี <br />
ปีละ 300 ฟรังสวิสส์ หรือประมาณ 2,400 บาท<br />
<br />
</span><strong><span style="color: black;">สหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย</span></strong><span style="color: black;"><br />
<br />
ในทวีปเอเชียมีการจัดตั้งสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเอเชีย (A.F.C.) เพื่อดำเนินการด้านฟุตบอล ดังนี้</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">พ.ศ. 2495 </span></strong><span style="color: black;">มีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่เฮลซิงกิ</span> <span style="color: black;">ประเทศฟินแลนด์</span> <span style="color: black;">โดยมีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่<br />
จากประเทศในเอเชียเข้ามาร่วมการแข่งขันด้วย</span> <span style="color: black;">จึงได้ปรึกษาหารือกันในการจัดตั้งสหพันธ์ฟุตบอลเอเชียขึ้น</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">พ.ศ. 2497</span></strong> <span style="color: black;">มีการแข่งขันเอเชียนเกมส์ที่กรุงมะนิลา</span> <span style="color: black;">ประเทศฟิลิปปินส์ ก็ได้เริ่มตั้งคณะกรรมการจากชาติต่างๆ <br />
ที่เข้าร่วมเป็นสมาชิก 12 ประเทศ</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">พ.ศ. 2501 </span></strong><span style="color: black;">มีการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ที่ประเทศญี่ปุ่น</span> <span style="color: black;">ได้มีการประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก และมีประเทศเข้าร่วม<br />
เป็นสมาชิกรวมเป็น 35 ประเทศ</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">พ.ศ. 2509</span></strong> <span style="color: black;">ฟีฟ่าได้มองเห็นความสำคัญของ A.F.C. จึงได้กำหนดให้มีเลขานุการประจำในเอเชีย <br />
โดยออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด</span> <span style="color: black;">รวมทั้งเงินเดือน และคนแรกที่ได้รับตำแหน่งคือ Khow Eve Turk</span></div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">พ.ศ. 2517 </span></strong><span style="color: black;">ในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ที่เตหะราน</span> <span style="color: black;">ประเทศอิหร่านได้มีการประชุมประเทศสมาชิก A.F.C.<br />
และที่ประชุมได้ลงมติขับไล่อิสราเอล ออกจากสมาชิก และให้จีนแดงเข้าเป็นสมาชิกแทน</span> <span style="color: black;">ทั้งๆ <br />
ที่จีนแดงไม่ได้เป็นสมาชิกของฟีฟ่า</span> <span style="color: black;">นับว่าเป็นการสร้างเหตุการณ์ที่ประหลาดใจให้กับบุคคลทั่วไป<br />
เป็นอย่างมากทั้งนี้เนื่องจากเหตุผลทางการเมือง</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;"><strong><span style="color: black;">พ.ศ. 2519 </span></strong><span style="color: black;">มีการประชุมกันที่ประเทศมาเลเซีย</span> <span style="color: black;">ปรากฏว่าประเทศสมาชิกได้ลงมติให้ขับไล่<br />
ประเทศไต้หวันออกจากสมาชิก</span> <span style="color: black;">และให้รับจีนแดงเข้ามาเป็นสมาชิกแทน ทั้งๆ</span> <span style="color: black;">ที่ไต้หวัน<br />
เป็นประเทศที่ร่วมกันก่อตั้งสหพันธ์ขึ้นมา<br />
</span><strong><span style="color: black;">งานของสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย</span></strong> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;">1. ดำเนินการจัดการแข่งขันและควบคุม Asian Cup </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;">2. ดำเนินการจัดการแข่งขันและควบคุม Asian Youth </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;"><span style="color: black;">3. ดำเนินการจัดการแข่งขันและควบคุมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;">4. ดำเนินการจัดการแข่งขันและควบคุม Pre-Olympic </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;">5. ดำเนินการจัดการแข่งขันและควบคุม World Youth </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;">6. ควบคุมการแข่งขัน Kings Cup, President Cup, Merdeka, Djakarta Cup<br />
นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากฟีฟ่าจัดส่งวิทยากรมาช่วยดำเนินการ</div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;"><span style="color: black;"><br />
</span><span class="style5"><span style="color: red;"><strong>สรุปวิวัฒนาการของฟุตบอล</strong> </span></span></div><div class="MsoNormal style1" style="margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><strong><span style="color: black;">ก่อนคริสตกาล</span></strong> <span style="color: black;">- อ้างถึงการเล่นเกมซึ่งเปรียบเสมือนต้นฉบับของกีฬาฟุตบอลที่เก่าแก่ที่<br />
ได้มีการค้นพบจากการเขียนภาษาญี่ปุ่น-จีน</span> <span style="color: black;">และในสมัยวรรณคดีของกรีกและโรมัน</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;"><strong><span style="color: black;">ยุคกลาง</span></strong> <span style="color: black;">- ประวัติบันทึกการเล่นในเกาะอังกฤษ อิตาลี</span> <span style="color: black;">และฝรั่งเศส</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;"><span style="color: black;">ปี พ.ศ. 1857 - พระเจ้าเอ๊ดเวิร์ดที่ 3 ทรงออกพระราชกฤษฎีกาห้ามเล่นฟุตบอล<br />
เพราะจะรบกวนการยิงธนู</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;"><span style="color: black;">ปี พ.ศ. 2104 - Richardo Custor อาจารย์สอนหนังสือชาวอังกฤษกล่าวถึงการเล่นว่า</span> <br />
<span style="color: black;">ควรกำหนดไว้ในบทเรียนของเยาวชน โดยได้รับอิทธิพลจาการเล่นกาลซิโอในเมืองฟลอเร้นท์</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;"><span style="color: black;">ปี พ.ศ. 2123 -Riovanni Party ได้จัดพิมพ์กติการการเล่นคาลซิโอ</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;">ปี พ.ศ. 2223 -ฟุตบอลในประเทศอังกฤษได้รับพระบรมราชานุเคราะห์จากพระเจ้าชาร์ลที่ 2 </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;"><span style="color: black;">ปี พ.ศ. 2391 -ได้มีการเขียนกฎข้อบังคับเคมบริดจ์ขึ้นเป็นครั้งแรก</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;"><span style="color: black;">ปี พ.ศ. 2406 -ได้มีการก่อตั้งสมาคมฟุตบอลขึ้น</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;"><span style="color: black;">ปี พ.ศ. 2426 -สมาคมฟุตบอลจักรภพ 4 แห่ง ยอมรับองค์กรควบคุม</span> <span style="color: black;">และจัดตั้งกรรมการระหว่างชาติ</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;"><span style="color: black;">ปี พ.ศ. 2429 -สมาคมฟุตบอลเริ่มทำการฝึกเจ้าหน้าที่ที่จัดการแข่งขัน</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;"><span style="color: black;">ปี พ.ศ. 2431 -เริ่มเปิดการแข่งขันฟุตบอลลีก โดยยินยอมให้มีนักฟุตบอลอาชีพ<br />
และเพิ่มอำนาจการควบคุมให้ผู้ตัดสิน</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;"><span style="color: black;">ปี พ.ศ. 2432 -สมาคมฟุตบอลส่งทีมไปแข่งขันในต่างประเทศ เช่น</span> <span style="color: black;">เยอรมันไปเยือนอังกฤษ</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;"><span style="color: black;">ปี พ.ศ. 2447 - ก่อตั้งฟีฟ่า ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่กรุงปารีส เมื่อ 11 พฤษภาคม</span> <span style="color: black;">พ.ศ. 2447 <br />
โดยสมาคมแห่งชาติคือ ฝรั่งเศส เบลเยียม เดนมาร์ก สเปน สวีเดน</span> <span style="color: black;">และสวิตเซอร์แลนด์</span> </div><div class="MsoNormal style1" style="margin-left: 36pt;"><span style="color: black;">ปี พ.ศ. 2480 - 2481 -ข้อบังคับปัจจุบันเขียนขึ้นตามระบบใหม่ขององค์กรควบคุม</span><br />
<span style="color: black;">โดยใช้ข้อบังคับเก่ามาเป็นแนวทาง</span> </div><div class="style1" style="margin-left: 36pt;"><br />
</div><center class="style1"><br />
ประวัติฟุตบอลในประเทศไทย </center><span class="style1"><br />
<br />
กีฬาฟุตบอลในประเทศไทย ได้มีการเล่นตั้งแต่สมัย "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" รัชกาลที่ 5 <br />
แห่งกรุงรัตนโกสิทร์ เนื่องจากสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์ได้ส่งพระเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าหลานยาเธอ <br />
และข้าราชบริพารไปศึกษาวิชาการด้านต่างๆ ที่ประเทศอังกฤษ และ<span style="color: black;">ผู้ที่นำกีฬาฟุตบอลกลับมายังประเทศไทยเป็นคนแรกคือ<br />
"เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)" หรือ ที่ประชนชาวไทยมักเรียกชื่อสั้นๆว่า "ครูเทพ" </span><br />
ซึ่งท่านได้แต่งเพลงกราวกีฬาที่พร้อมไปด้วยเรื่องน้ำใจนักกีฬาอย่างแท้จริง เชื่อกันว่าเพลงกราวกีฬาที่ครูเทพแต่งไว้นี้จะต้องเป็น <br />
"เพลงอมตะ" และจะต้องคงอยู่คู่ฟ้าไทย <br />
</span><br />
<dl class="style1"><dd><span style="color: black;">เมื่อปี พ.ศ. 2454-2458 ท่านได้ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีกระทรวงธรรมการครั้งแรก
เมื่อท่านได้นำฟุตบอลเข้ามาเล่นในประเทศไทยได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆมากมาย
โดยหลายคนกล่าวว่า ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ไม่เหมาะสมกับประเทศที่มีอากาศร้อน
เหมาะสมกับประเทศที่มีอากาศหนาวมากกว่าและเป็นเกมที่ทำให้เกิดอันตรายต่อผู้เล่นและผู้ชมได้ง่าย
ซึ่งข้อวิจารณ์ดังกล่าวถ้ามองอย่างผิวเผินอาจคล้อยตามได้ แต่ภายหลังข้อกล่าวหาดังกล่าวก็ได้ค่อยหมดไป<strong>
จนกระทั่งกลายเป็น กีฬายอดนิยมที่สุดของประชาชนชาวไทยและชาวโลกทั่วทุกมุมโลก</strong></span> <span style="color: black;">
ซึ่งมีวิวัฒนาการดังกำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงข้อมูลต่อไปนี้
<strong>พ.ศ. 2440 </strong>รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จนิวัติพระนคร กีฬาฟุตบอลได้รับความสนใจมากขึ้นจากบรรดาข้าราชการ
บรรดาครูอาจารย์ ตลอดจนชาวอังกฤษในประเทศไทยและผู้สนใจชาวไทยจำนวนมากขึ้นเป็นลำดับ
กอร์ปกับครูเทพท่านได้เพียรพยายามปลูกฝังการเล่นฟุตบอลในโรงเรียนอย่างจริงจัง
และแพร่หลายมากในโอกาสต่อมา
<strong>พ.ศ. 2443 (รศ. 119) </strong>การแข่งขันฟุตบอลเป็นทางการครั้งแรกของไทยได้เกิดขึ้น
เมื่อวันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2443 (รศ. 119) ณ สนามหลวง ซึ่งเป็นสถานที่ออกกำลังกาย
และประกอบงานพิธีต่างๆการแข่งขันฟุตบอลคู่ประวัติศาสตร์ของไทย ระหว่าง "ชุดบางกอก"
กับ "ชุดกรมศึกษาธิการ" จากกระทรวงธรรมการหรือเรียกชื่อการแข่งขันครั้งนี้ว่า
"การแข่งขันฟุตบอลตามข้อบังคับของแอสโซซิเอชั่น" เพราะสมัยก่อนเรียกว่า "แอสโซซิเอชั่นฟุตบอล"
(ASSOCIATIONS FOOTBALL) สมัยปัจจุบันอาจเรียกได้ว่า "การแข่งขันฟุตบอลของสมาคม"
หรือ "ฟุตบอลสมาคม" ผลการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษดังกล่าวปรากฏว่า "ชุดกรมศึกษาธิการ" เสมอกับ
"ชุดบางกอก" 2-2 (ครึ่งแรก 1-0) ต่อมาครูเทพท่านได้วางแผนการจัดการแข่งขันฟุตบอลนักเรียนอย่างเป็นทางการพร้อมแปลกติกาฟุตบอล
แบบสากลมาใช้ในการแข่งขันฟุตบอลนักเรียนครั้งนี้ด้วย
<strong>พ.ศ. 2444 (รศ. 120) </strong>หนังสือวิทยาจารย์ เล่มที่ 1 ตอนที่ 7 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2444
ได้ตีพิมพ์เผยแพร่เรื่องกติกาการแข่งขันฟุตบอลสากลและการแข่งขันอย่างเป็นแบบแผนสากล
การแข่งขันฟุตบอลนักเรียนครั้งแรกของประเทศไทยได้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2444 นี้
ผู้เข้าแข่งขันต้องเป็นนักเรียนชายอายุไม่เกิน 20 ปี ใช้วิธีจัดการแข่งขันแบบน็อกเอาต์
หรือแบบแพ้คัดออก (KNOCKOUT OR ELIMINATIONS) ภายใต้การดำเนินการจัดการ
แข่งขันของ "กรมศึกษาธิการ" สำหรับทีมชนะเลิศติดต่อกัน 3 ปี จะได้รับโล่รางวัลเป็นกรรมสิทธิ์
<strong>พ.ศ. 2448 (รศ. 124) </strong>เดือนพฤศจิกายน สามัคยาจารย์ สมาคม ได้เกิดขึ้นครั้งแรกเป็น
การแข่งขันฟุตบอลของบรรดาครูและสมาชิกครู โดยใช้ชื่อว่า "ฟุตบอลสามัคยาจารย์"
<strong>พ.ศ. 2450-2452 (รศ. 126-128) </strong>ผู้ตัดสินฟุตบอลชาวอังชื่อ "มร.อี.เอส.สมิธ"
อดีตนักฟุตบอลอาชีพได้มาทำการตัดสินในประเทศไทย เป็นเวลา 2 ปี ทำให้คนไทย
โดยเฉพาะครู-อาจารย์ และผู้สนใจได้เรียนรู้กติกาและสิ่งใหม่ๆเพิ่มขึ้นมาก
<strong>พ.ศ. 2451 (รศ. 127) </strong>มีการจัดการแข่งขัน "เตะฟุตบอลไกล" ครั้งแรก
<strong>พ.ศ. 2452 (รศ. 128) </strong>พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงสวรรคต
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2452 นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของผู้สนับสนุนฟุตบอลไทยในยุคนั้น
ซึ่งต่อมาในปีนี้ กรมศึกษาธิการก็ได้ประกาศใช้วิธีการแข่งขัน "แบบพบกันหมด" (ROUND ROBIN)
แทนวิธีจัดการแข่งขันแบบแพ้คัดออกสำหรับคะแนนที่ใช้นับเป็นแบบของแคนาดา (CANADIAN SYSTEM)
คือ ชนะ 2 คะแนน เสมอ 1คะแนน แพ้ 0 คะแนน และยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 พระองค์ทรงมีความสนพระทัยกีฬาฟุตบอลเป็น
อย่างยิ่งถึงกับทรงกีฬาฟุตบอลเอง และทรงตั้งทีมฟุตบอลส่วนพระองค์เองชื่อทีม "เสือป่า"
และได้เสด็จพระราช ดำเนินประทับทอดพระเนตรการแข่งขันฟุตบอลเป็นพระราชกิจวัตรเสมอมา
โดยเฉพาะมวยไทยพระองค์ทรงเคย ปลอมพระองค์เป็นสามัญชนขึ้นต่อยมวยไทยจนได้ฉายาว่า
"พระเจ้าเสือป่า" พระองค์ท่านทรงพระปรีชาสามารถมาก จนเป็นที่ยกย่องของพสกนิกรทั่วไป
จนตราบเท่าทุกวันนี้
จากพระราชกิจวัตรของพระองค์รัชกาลที่ 6 ทางด้านฟุตบอลนับได้ว่าเป็นยุคทองของไทยอย่างแท้จริง
อีกทั้งยังมีการเผยแพร่ข่าวสาร หนังสือพิมพ์ และบทความต่างๆทางด้านฟุตบอลดังกำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงข้อมูลต่อไปนี้
<strong>พ.ศ. 2457 (รศ. 133) </strong>พระยาโอวาทวรกิจ" (แหมผลพันชิน) หรือนามปากกา "ครูทอง" ได้เขียนบทความกีฬา
"เรื่องจรรยาของผู้เล่นและผู้ดูฟุตบอล" และ "คุณพระวรเวทย์ พิสิฐ" (วรเวทย์ ศิวะศริยานนท์) ได้เขียน
บทความกีฬา "เรื่องการเล่นฟุตบอล" และ "พระยาพาณิชศาสตร์วิธาน" (อู๋ พรรธนะแพทย์)
ได้เขียนบทความกีฬาที่ประทับใจชาวไทยอย่างยิ่ง "เรื่องอย่าสำหรับนักเลงฟุตบอล"
<strong>พ.ศ. 2458 (รศ. 134) </strong>ประชาชนชาวไทยสนใจกีฬาฟุตบอลอย่างกว้างขวาง เนื่องจาก กรมศึกษาธิการ
ได้พัฒนาวิธีการเล่น วิธีจัดการแข่งขัน การตัดสิน กติกาฟุตบอลที่สากลยอมรับ
ตลอดจนระเบียบการแข่งขันที่รัดกุมยิ่งขึ้น และผู้ใหญ่ในวงการให้ความสนใจอย่างแท้จริงนับตั้งแต่
พระองค์รัชกาลที่ 6 เองลงมาถึงพระบรมวงศานุวงศ์จนถึงสามัญชน และชาวต่างชาติ และในปี พ.ศ. 2458 จึงได้มีการแข่งขันฟุตบอลประเภทสโมสรครั้งแรกเป็นการชิงถ้วยพระราชทานและเรียกชื่อการแข่งขัน
ฟุตบอลประเภทนี้ว่า "การแข่งขันฟุตบอลถ้วยทองของหลวง" การแข่งขันฟุตบอลสโมสรนี้เป็นการแข่งขันระหว่าง
ทหาร-ตำรวจ-เสือป่า ซึ่งผู้เล่นจะต้องมีอายุเกินกว่าระดับทีมนักเรียน นับว่าเป็นการเพิ่มประเภทการแข่งขันฟุตบอล
<strong>ราชกรีฑาสโมสร หรือสปอร์ตคลับ นับได้ว่าเป็นสโมสรแรกของไทย</strong>และเป็นศูนย์รวมของชาวต่างประเทศ
ในกรุงเทพฯ ซึ่งยังอยู่ในปัจจุบัน และสโมสรสปอร์ตคลับเป็นศูนย์กลางของกีฬาหลายประเภท
โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอลได้มีผู้เล่นระดับชาติจากประเทศอังกฤษมาเข้าร่วมทีมอยู่หลายคน
เช่น มร.เอ.พี.โคลปี. อาจารย์โรงเรียนราชวิทยาลัย นับได้ว่าเป็นทีมฟุตบอลที่ดี มีความพร้อมมากทั้งทางด้านผู้เล่น
งบประมาณและสนามแข่งขันมาตรฐาน จึงต้องเป็นเจ้าภาพให้ทีมต่างๆของไทยเรามาเยือนอยู่เสมอ
ทำให้วงการฟุตบอลไทยในยุคนั้นได้พัฒนายิ่งขึ้น และรัชกาลที่ 6 ทรงสนพระทัย
โดยเสด็จมาเป็นองค์ประธานพระราชทานรางวัลเป็นพระราชกิจวัตร ทำให้ประชาชนเรียกการแข่งขันสมัยนั้นว่า
"ฟุตบอลหน้าพระที่นั่ง" และระหว่างพักครึ่งเวลามีการแสดง "พวกฟุตบอลตลกหลวง"
นับเป็นพิธีชื่นชอบของปวงชนชาวไทยสมัยนั้นเป็นอย่างยิ่ง และการแข่งขันฟุตบอลสโมสรครั้งแรกนี้
มีทีมสมัครเข้าร่วมแข่งขันจำนวน 12 ทีม ใช้เวลาในการแข่งขัน 46 วัน (11 ก.ย.-27 ต.ค. 2458)
จำนวน 29 แมตช์ ณ สนามเสือป่า ถนนหน้าพระลาน สวนดุสิต กรุงเทพมหานคร
หรือสนามหน้ากองอำนวนการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติปัจจุบันพระองค์รัชกาลที่ 6
ได้ทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการแข่งขันนับว่าฟุตบอลไทยมีระบบ
ในการบริหารมานานนับถึง 72 ปีแล้ว
ความเจริญก้าวหน้าของฟุตบอลภายในประเทศได้แผ่ขยายกว้างขวางทั่วประเทศไปสู่สโมสรกีฬา-ต่าง
จังหวัดหรือชนบทอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นที่นิยมกันทั่วไปภายใต้การสนับสนุนของรัชกาลที่ 6 และพระองค์ท่านทรงเล็งเห็นกาลไกลว่าควรที่ตะตั้งศูนย์กลางหรือสมาคมอย่างมีระบบแบบแผนที่ดี
โดยมีคณะกรรมการบริหารสมาคมและทรงมีพระบรมราชโองการก่อตั้ง "สโมสรคณะฟุตบอลสยาม"
ขึ้นมาโดยพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ทรงเล่นฟุตบอลเอง
<strong>รัชกาลที่ 6 ได้ทรงมีวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งสมาคมฟุตบอลแห่งสยามดังนี้คือ</strong></span>
<span style="color: black;">1. เพื่อให้ผู้เล่นฟุตบอลมีพลานามัยที่สมบูรณ์ 2. เพื่อก่อให้เกิดความสามัคคี 3. เพื่อก่อให้เกิดไหวพริบ
และเป็นกีฬาที่ประหยัดดี 4. เพื่อเป็นการศึกษากลยุทธ์ในการรุกและการรับเช่นเดียวกับกองทัพทหารหาญ
จากวัตถุประสงค์ดังกล่าว นับเป็นสิ่งที่ผลักดันให้สมาคมฟุตบอลแห่งสยามดำเนินกิจการเจริญก้าวหน้ามา
จนตราบถึงทุกวันนี้ ซึ่งมีกำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงข้อมูลดังนี้ <strong>พ.ศ. 2458 (ร.ศ. 134)</strong></span> <span style="color: black;">การแข่งขัน
ระหว่างชาติครั้งแรกของประเทศไทย เมื่อวันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2458 ณ สนามราชกรีฑาสโมสร
(สนามม้าปทุมวันปัจจุบัน) ระหว่าง "ทีมชาติสยาม" กับ "ทีมราชกรีฑาสโมสร" ต่อหน้าพระที่นั่ง
และมี "มร.ดักลาส โรเบิร์ตสัน" เป็นผู้ตัดสิน ซึ่งผลการแข่งขันปรากฏว่าทีมชาติสยามชนะ
ทีมราชกรีฑาสโมสร 2-1 ประตู (ครึ่งแรก 0-0) และครั้งที่ 2 เมื่อวันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2458
เป็นการแข่งขันระหว่างชาตินัดที่ 2 แบบเหย้าเยือนต่า หน้าพระที่นั่ง ณ สนามเสือป่าสวนดุสิต
และผลปรากฏว่า ทีมชาติสยามเสมอกับทีมราชกรีฑา สโมสร หรือทีมรวมต่างชาติ 1-1 ประตู (ครึ่งแรก 0-0)
<strong>สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย</strong>(THE FOOTBALL ASSOCIATION OF THAILAND)
มีวิวัฒนาการตามลำดับต่อไปนี้
<strong>พ.ศ. 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ตั้งสมาคมฟุตบอลแห่งสยามขึ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายน พุทธศักราช 2459</strong>และตราข้อบังคับขึ้นใช้ในสนามฟุตบอลแห่งสยามด้วยซึ่งมีชื่อย่อว่า ส.ฟ.ท.
และเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า "THE FOOTBALL ASSOCIATION OF THAILAND
UNDER THE PATRONAGE OF HIS MAJESTY THE KING" ใช้อักษรย่อว่า F.A.T.
และสมาคมฯ จัดการแข่งขันถ้วยใหญ่และถ้วยน้อยเป็นครั้งแรกในปีนี้ด้วย
<strong>พ.ศ. 2468 เป็นภาคีสมาชิกสมาพันธ์ฟุตบอลระหว่างชาติ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พุทธศักราช 2468</strong></span>
<span style="color: black;"><strong>ชุดฟุตบอลเสือป่าพรานหลวง</strong></span> <span style="color: black;">ได้รับถ้วยของพระยาประสิทธิ์ศุภการ (เจ้าพระยารามราฆพ)
ซึ่งเล่นกับชุดฟุตบอลกรมทหารรักษาวัง เมื่อ พ.ศ. 2459-2460 ได้รับไว้เป็นกรรมสิทธิ์ โดยชนะ 2 ปีติดต่อกัน
<strong>รายนามผู้เล่น</strong>
1. ผัน ทัพภเวส
2. ครูเพิ่ม เมษประสาท (พระดรุณรักษา)
3. ครูเธียร วรธีระ (หลวงวิเศษธีระการ)
4. จรูญฯ (พระทิพย์จักษุศาสตร์)
5. ก้อนดิน ราหุลหัต (หลวงศิริธารา)
6. ครูสำลี จุโฬฑก (หลวงวิศาลธีระการ)
7. ครูหับ ปีตะนีละผลิน (หลวงประสิทธิ์นนทเวท)
8. ตุ๋ย ศิลปี (หลวงจิตร์เจนสาคร)
9. แฉล้ม กฤษณมระ (พระประสิทธิ์บรรณสาร)
10. จิ๋ว รามนัฎ (หลวงยงเยี่ยงครู)
11. ลิ้ม ทูตจิตร์ (พระวิสิษฐ์เภสัช)
<strong>ชุดฟุตบอลสโมสรกรมหรสพ</strong></span> <span style="color: black;">ได้รับพระราชทาน "ถ้วยใหญ่" ของสมาคมฟุตบอลแห่งสยาม ในพระบรม
ราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2459
<strong>รายนามผู้เล่น </strong>
1. ครูเพิ่ม เมษประสาท (พระดรุณรักษา)
2. ครูเธียร วรธีระ (หลวงวิเศษธีระการ)
3. เจ็ก สุนทรกนิษฐ์
4. บุญ บูรณรัฎ
5. ใหญ่ มิลินทวณิช (หลวงมิลินทวณิช)
6. ครูหับ ปีตะนีละผลิน (หลวงประสิทธิ์นนทเวท)
7. ผัน ทัพภเวส
8. ถม โพธิเวช
9. แฉล้ม พฤษณมระ (พระประสิทธิ์บรรณสาร)
10. หลวงเยี่ยงครู (ถือถ้วยใหญ่)
11. เกิด วัชรเสรี (ขุนบริบาลนาฎศาลา)
พ.ศ. 2499 การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ ครั้งที่ 3 และเรียกว่าข้อบังคับ ลักษณะปกครอง
<strong>พ.ศ. 2499 สมาคมฟุตบอลฯ ได้สิทธิ์ส่งทีมฟุตบอลชาติไทยเข้าร่วมการแข่งขัน
"กีฬาโอลิมปิก" ครั้งที่ 16 นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน เมื่อวันที่ 26
พฤศจิกายน พุทธศักราช 2499 ณ นครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย</strong>
พ.ศ. 2500 เป็นภาคีสมาชิกสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย ซึ่งมีชื่อย่อว่า เอเอฟซี และเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า
"ASIAN FOOTBALL CONFEDERATION" ใช้อักษรย่อว่า A.F.C.
พ.ศ. 2501 การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับลักษณะปกครอง ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2503
การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับลักษณะปกครอง ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2504-ปัจจุบัน
สมาคมฟุตบอลฯได้จัดการแข่งขันฟุตบอลถ้วยน้อย และถ้วยใหญ่
ซึ่งภายหลังได้จัดการแข่งขันแบบเดียวกันของสมาคมฟุตบอล
อังกฤษคือจัดเป็นประเภทถ้วยพระราชทาน ก, ข, ค, และ ง
และยังจัดการแข่งขันประเภทอื่นๆ อีกเช่น ฟุตบอลนักเรียน
ฟุตบอลเตรียมอุดม ฟุตบอลอาชีวะ ฟุตบอลเยาวชนและอนุชน
ฟุตบอลอุดมศึกษา ฟุตบอลเอฟเอ คัพ ฟุตบอลควีส์ คัพ ฟุตบอลคิงส์คัพ เป็นต้น ฯลฯ
นอกจากนี้ยังได้จัดการแข่งขันและส่งทีมเข้าร่วมกับทีมนานาชาติมากมายจนถึงปัจจุบัน
<strong>พ.ศ. 2511 สมาคมฟุตบอลได้สิทธิ์ส่งทีมฟุตบอลชาติไทยเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเป็นครั้งที่ 2
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2511 ณ ประเทศเม็กซิโก</strong>
พ.ศ. 2514 การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับลักษณะปกครอง ครั้งที่ 6
ชุดฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดแรกที่เดินทางไปแข่งขัน "กีฬาโอลิมปิก"
ครั้งที่ 16 ณ นครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2499
พ.ศ. 2531 สมาคมฟุตบอลฯ ได้มีโครงการจัดการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศ
รวมทั้งเชิญทีมต่างประเทศเข้าร่วมแข่งขัน และส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันในต่างประเทศตลอดปี
</span></dd>
<dt> </dt>
<dd><span style="color: black;">จากสภาพการณ์ปัจจุบันสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศฯ ได้สร้างเกียรติยศชื่อเสียงเป็นที่ปรากฏ
และประจักษ์แจ้งแก่มวลสมาชิกฟุตบอลนานาชาติ ตัวอย่างประเทศเกาหลีได้จัดฟุตบอลเพรสซิเด้นคัพปี 2530 นี้ได้เชิญทีมฟุตบอลชาติไทยเท่านั้นแสดงว่าแสดงว่าสมาคมฟุตบอลของไทยได้บริหารทีมฟุตบอลเป็นทีมที่มีมาตรฐาน
สูงสุดจนเป็นที่ยอมรับของเอเชียในปัจจุบันและต่อจากนี้ไป ในปีพุทธศักราช 2530 นี้ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
ได้วางแผนพัฒนาทีมฟุตบอลชาติไทยให้ยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้น โดยมีโครงการทีมฟุตบอลชาติไทยชุดถาวรของสมาคมฟุตบอลฯ
เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลชาติไทย ซึ่งนักฟุตบอลทุกคนของสมาคมฯจะได้รับเงินเดือนเดือน ละ 3,000 บาท
ในช่วงปี 2530-2531 นอกจากนี้สมาคมฟุตบอลฯได้วางแผนพัฒนาเกี่ยวกับการฝึกซ้อมและแข่งขันฟุตบอล
โดยนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยในการฝึกด้วยตลอดจนหาช้างเผือกมาเสริมทีมชาติเพื่อเป็นตัวตายตัวแทนสืบไป ขอใหสโมสรสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านโปรดติดตามและเอาใจช่วยให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยจงเจริญรุ่งเรือง
สืบไปชั่วนิจนิรันดร์</span> </dd></dl>Sankohthttp://www.blogger.com/profile/11823177241358983442noreply@blogger.com0